รีวิว interstellar ทะยานดาวกู้โลก

รีวิว interstellar ทะยานดาวกู้โลก

รีวิว interstellar ทะยานดาวกู้โลก

เมื่อโลกเข้าสู่ห้วงสุดท้ายในยุคเรา ทีมนักสำรวจต้องรับภารกิจที่สำคัญสุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ โดยการเดินทางสู่กาแล็กซีอันไกลโพ้น เพื่อค้นหาความเป็นไปได้ว่าในอนาคตมนุษยชาติอยู่ท่ามกลางดวงดาวได้หรือเปล่า

เมื่อโลกถึงคราวขาดแคลน พืชผลไม่งอกเงยจนแทบไม่มีอาหารเหลือ องค์กรนาซ่าได้ทำงานอย่างลับๆในภารกิจเพื่อค้นหาดาวเคราะห์ใหม่ที่มนุษย์จะไปอาศัยอยู่ได้ พวกเขาจึงต้องไปสำรวจ โดยแบกความหวังของมนุษยชาติไว้   หนังแนะนำ

เรื่องมันก็มีอยู่ว่า ผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นชายชาวไร่ เป็นพ่อของลูกชายหนึ่งและลูกสาวอีกหนึ่ง ที่เราได้พบในเวลาต่อมาว่า เขาไม่ได้เป็นแค่ชาวไร่ หากเป็นวิศวกรที่ในโลกปัจจุบันนั้น อาชีพวิศวกรดูไร้ประโยชน์ เพราะภาวะขาดอาหาร ไนโตรเจนสูง ออกซิเจนลดต่ำลงทุกที อีกทั้งยังมีพายุฝุ่นที่พัดแรง แต่ผู้คนไม่ได้รับรู้ว่า มีคนกลุ่มหนึ่งที่เฝ้าทำการทดลองสุดยิ่งใหญ่เพื่อความอยู่รอดของมวลมนุษยชาติ นั่นคือ การหาโลกใหม่ที่มนุษย์จะย้ายไปตั้งรกรากใหม่

ชื่อภาพยนตร์: Interstellar / ทะยานดาวกู้โลก
ผู้กำกับภาพยนตร์: Christopher Nolan
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Jonathan Nolan, Christopher Nolan
นักแสดงนำ: Matthew McConaughey, Anne Hathaway, Jessica Chastain, Wes Bentley, Matt Damon
แนว/ประเภท: Sci-Fi, Adventure
ความยาว: 169 นาที
เรท: ไทย/ , USA/PG-13
สัดส่วนภาพ: 2.35 : 1
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 6 พฤศจิกายน 2557
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Legendary Pictures, Lynda Obst Productions, Paramount Pictures    ดูหนังออนไลน์

รีวิว interstellar ทะยานดาวกู้โลก

นี่คือสถานการณ์ของหนังเรื่อง Interstellar ที่ทำให้เราได้คิดและรู้สึกสะท้อนใจว่าจะเกิดโลกที่เคยอยู่อาศัยของเราเป็นแบบนี้จริงๆ แล้วนั้นการใช้ชีวิตของเราก็อาจจะเหมือนในหนังก็ได้ ที่ดูไร้ซึ่งความหวังและรอเวลาเพียงวันที่โลกนี้จะแตก ก็ต้องบอกว่า หนังเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องนึง ของผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน ซึ่งการทำหนังของเขาแต่ละเรื่องนั้นเราจะไม่สามารถดูเพียงรอบเดียวแล้วจะเข้าใจได้  ดูหนังใหม่

เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกันครับแม้ว่าจะพูดถึงเรื่องของโลกที่กำลังจะถึงกาลอวสาน แต่แก่นแท้ของหนังทำเป็นเรื่องราวทางวิทยาศาตร์ที่แสนจะซับซ้อนและต้องทำความเข้าใจอยู่หลายรอบเลยทีเดียว แต่ในด้านของความบันเทิงและความสนุกนั้นก็ต้องบอกด้วยว่าทำออกมาได้อย่างลงตัวควบคู่ไปกับการที่เราต้องคบคิดไปกับหนังอยู่ตลอด มันไม่ใช่เพียงแค่หนังโลกแตกแต่มันเป็นหนังที่พูดถึงเรื่องของจักรวาลนี้เลยทีเดียว สำหรับคะแนนก็ขอให้อยู่ที่ 10/10 เลยครับ  interstellar สปอย  สำหรับใครที่หาหนังที่สนุก และได้ใช้สมองก็ต้องเรื่องนี้เลย

พล็อตเรื่อง

จะพูดถึงโลกของเราที่ไม่เหมือนเดิม เมื่อคูปเปอร์ที่เคยเป้นนักบินอวกาศแต่ปัจจุบันกลับต้องมาเป็นชาวระรรมดาๆนั่นก็เพราะมาจากสาเหตุที่โลกของเราไม่ปกติอีกต่อไป

และการเป็นนักบินอวกาศนั้นก็ไม่ได้จำเป็นอีกต่อไป แต่เมื่อวันนึงได้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เขาได้ไปพบกับกลุ่มคนที่กำลังสร้างยานอวกาศเพื่อไปตามหาดาวดวงใหม่ที่ใกล้เคียงกับโลก ทำให้เขากลายเป็นคนที่ต้องเดินทางออกไปยังอวกาศเพื่อทำหน้าที่สำคัญที่สุด ไม่ต่างกับการกอบกู้โลกเลยทีเดียว  ดูหนังออนไลน์

สำหรับหนังเรื่อง Interstellar รับบทนำโดย แมทธิว แม็คคอนนาเฮย์ , แอนน์ แฮททาเวย์ , เจสสิกา แชสเทน , ไมเคิล เคน ,เวส เบทเลย์ และ ร่วมด้วยนักแสดงอีกมากมาย สำหรับหนังเรื่องนี้ก็ต้องบอกว่า เราจะได้ซาบซึ้งไปกับบทบาทของตัวละครในหนังอย่างเข้าถึงอารมณ์ ด้วยฝีมือการแสดงที่ไม่ธรรมดาของนักแสดงนำแต่ละคน เรียกได้ว่านอกจะหนังจะสุดยอดแล้ว การแสดงของเหล่านักแสดงก็ยังสุดยอดอีกด้วย    interstellar เนื้อเรื่อง

รีวิว interstellar ทะยานดาวกู้โลก

การดำเนินเรื่อง

หนังนานมาก ประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที แต่พูดได้เลยว่าไม่มีจุดไหนที่น่าเบื่อเลยสักนิดเดียว หนังเดินไปอย่างรวดเร็ว เริ่มจากปูเรื่องราวโลกในปัจจุบันกับปัญหาที่เขาต้องพบทั้งเรื่องขาดแคลนอาหารและฝุ่นที่ฟุ้งทั่วไปหมด จนเดินเรื่องตอนพระเอกเจอกับนาซ่า และการเข้าร่วมภารกิจ และไปที่ดวงดาวต่างๆ คือเรื่องเดินไปเร็วมากและเดินหน้า

ไปเรื่อยๆไม่มีเวลาให้หยุดพักเลย และที่สำคัญคือใส่ประเด็นสำคัญมาตั้งแต่ต้นเรื่อง คือมันเป็นจุดไคลแมกซ์จุดคลายประเด็นของเรื่องที่หนังใส่มาให้เราเห็นตั้งแต่แรกแล้วอยู่ที่ว่าเราจะเคลียร์มันได้ไหม เหมือนกับหลายๆเรื่องที่ผ่านมาของผู้กำกับคนนี้ ที่สำคัญที่เห็นได้ชัดก็น่าจะเป็นประเด็นครอบครัวนี่แหละ ที่ยังคงความดราม่าและความสำคัญตลอดมาในหนังแทบทุกเรื่องของเขา  ดูหนังฟรี

ถ้าพูดถึงประเด็นเรื่องความเป็นไปได้ในเรื่อง ในครั้งแรกที่ดูในโรงเรารู้สึกว่าว้าว สุดยอดไปเลย มันดูเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจมาก แบบดูจบก็ไปหาทฤษฎีมาอ่านเพิ่มทันทียิ่งสนุก มิติที่ 4 มิติที่ 5 งี้ แล้วพอปีหลังจากนั้นก็มี The Martian เข้าที่ทุกคนบอกว่าสมจริงแล้วก็มาเทียบกับ Interstellar ที่ฉายปีก่อนหน้าเขาบอกว่า Interstellar

ไม่สมจริง ตอนนั้นเราแบบไม่สมจริงยังไงวะ แต่พอดูรอบสองก็เออ เหตุผลรองรับมันไม่ค่อยมีจริงๆนั่นแหละ แต่เราจะมองข้ามมันไปแล้วเอาแต่ความสนุกแล้วกัน (เพราะตอนนั่งดูอยู่ก็ฟังไม่เข้าใจอยู่ดีนั่นแหละ5555) สำหรับเราพวกฉากอวกาศ พวกยานบิน หรืออะไรพวกนี้ดูสมจริงและสวยงามมาก โปรดักชั่นดีมากกกก นักแสดงครบรส คือดึงดูด และถึงโผล่มาเพียงสั้นๆแต่ดูกลมกลืนไปกับเรื่อง คือดูแล้วรู้ว่าคัดให้เขามาเป็นตัวละครได้ประมาณนี้  interstellar ซับไทย

รีวิว interstellar ทะยานดาวกู้โลก

รีวิว interstellar ทะยานดาวกู้โลก บทสรุป

เมื่อผู้เป็นพ่อต้องพรากจากลูกสาวสุดที่รักไปไกลแสนไกลอย่างที่ไม่รู้วันกลับ และไม่อาจบอกเหตุผลที่แท้จริงได้ มันช่างเจ็บปวดใจยิ่งนักเมื่อสื่อสารกันได้เพียงนานๆ ครั้ง หลงเหลือไว้แต่ความไม่เข้าใจกัน แม้รู้ว่าลูกสาวฉลาดแค่ไหนแต่ภาระหน้าที่ต่อมนุษยชาติและตัวตนความเป็นนักบินอวกาศมันบอกให้ทำสิ่งที่สำคัญกว่า กระนั้น ความรักครอบครัวอันเป็นอารมณ์ของมนุษย์ก็ไม่เคยจากไปไหน   ดูหนังใหม่

หากแต่หนังก็ไม่เคยคิดที่จะหยุดเรื่องตรงนั้น

หนังมีส่วนผสมที่หลากหลาย เหมือนจะหยิบจับมาจากหนังหลายๆ เรื่อง ดูแล้วก็อาจจะนึกถึงหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้ เรียกได้ว่าหยิบจับแล้วนำมาผสมผสานได้อย่างน่าสนใจ ทั้งเรื่องดราม่าในครอบครัว วิทยาศาสตร์เชิงอวกาศ แง่มุมความคิดที่เห็นต่างเมื่อมองคนละขั้ว และแง่มุมเชิงปรัชญาที่ลุ่มลึก ‘Interstellar’ ความยาว 2 ชั่วโมง 49 นาทีของโนแลน

ดูจะไปได้สวยกับการเล่าเรื่องที่เกี่ยวกระหวัดกันไปมา แสดงให้เห็นถึงจินตนาการอันล้ำลึกและก้าวไปไกลกว่าหนังไซไฟอวกาศเรื่องอื่นๆ ตัวเอกต้องเดินทางไปไกลแสนไกลผ่านรูหนอนมุ่งสู่ระบบดวงดาวอื่น ทั้งยังผจญกับเหตุการณ์ต่างๆ นานาที่พันเกี่ยวทุกๆ สิ่งที่ถูกเล่าเอาไว้ด้วยอย่างล้ำลึก!

แต่ก็ยังพบว่าช่วงท้ายของหนัง อาจจะดูสรุปง่ายดายไปและรวบรัดตัดตอนเกินไปบ้าง กระนั้น เมื่อมองดูมวลรวมของหนังที่พาเราไปท่องอวกาศที่เรายังไม่เคยไปถึง ผสานทฤษฎีความรู้ที่มากเกินกว่าคนธรรมดาจะคิดไปถึง ศัพท์แสงทางวิทยาศาสตร์ยุ่บยั่บจนอาจจะดูหนักหัวบางคนเกินไปบ้าง แต่หนังก็ทำให้เราตะลึงพรึงเพริดไปกับภาพจินตนาการที่ยิ่งใหญ่ ผสานดนตรีฝีมือ Hans Zimmer อันมินิมอลแต่งดงาม แม้ว่าอาจประทับใจได้ไม่เท่า ‘Inception’

แต่ก็พอจะเรียกได้ว่าเป็นหนังที่ต้องดู และต้องดูซ้ำเลยก็ว่าได้   interstellar บทสรุป

รีวิว interstellar ทะยานดาวกู้โลก

โดยรวมหนัง

หนังเรื่องนี้น่าจะเป็นอีกมุมมองหนึ่งของหนังแนว Dystopian เช่นเดียวกับ The Hunger Games, Divergent, The Maze Runner, The Giver, Snowpiercer และอีกหลายๆ เรื่องที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโลกใบใหม่ในอนาคต

แต่ความแตกต่างคือเรื่องราวของหนัง ยังอยู่ระหว่างจุดเชื่อมต่อระหว่างโลกเก่ากับโลกใหม่ (คาดว่าน่าจะเป็นช่วงปี 2054 หรืออีก 40 ปีข้างหน้า) และโลกใบใหม่ของ Interstellar นั้นล้ำกว่าเรื่องอื่นๆ ตรงที่ พวกเขาไม่ได้ปรับตัวหรือเปลี่ยนแปลงสังคมบนโลกใบเดิม แต่กลับพยายามหาทางพามนุษยชาติไปเริ่มต้นสร้างอาณานิคมใหม่บนโลกใบอื่น

หนังหยิบประเด็น Climate Change หรือ Global Warming ขึ้นมาเป็นปัญหาของโลกใบนี้ โดยเอาเหตุการณ์ The Dust Bowl หรือ The Dirty Thirties ที่เคยเกิดขึ้นช่วงปี 1930s ในอเมริกา มาจำลองว่ามันกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง

ความน่ากลัวของ The Dust Bowl คือโลกจะเปรียบเสมือนชามหรือโหลที่เต็มไปด้วยฝุ่น วันดีคืนดีก็มีพายุทราย ซึ่งฝุ่นทรายเหล่านี้เป็นอันตรายต่อปอดและระบบทางเดินหายใจ รวมถึงส่งผลให้สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยต่อการทำเกษตรกรรม โลกของเราจึงเริ่มขาดแคลนทั้งอาหารและอากาศที่เหมาะสมสำหรับการดำรงชีวิต

โลกในอนาคตนี้เป็นโลกที่ให้ความสำคัญกับเกษตรกรรม แม้แต่หนังสือเรียนของเด็กยังต้องเขียนเนื้อหาใหม่เกี่ยวกับการไปดวงจันทร์ของยาน Apollo เพื่อไม่ให้เด็กฝันอะไรไกลเกินกว่าการเป็นเกษตรกร  interstellar สนุกไหม

ในเมื่อโลกไม่ต้องการเทคโนโลยีเท่ากับผลผลิตทางอาหาร Cooper ( Matthew McConaughey) อดีตวิศวกรและนักบินขององค์การ NASA ต้องผันตัวมาปลูกข้าวโพดอยู่กับ Donald พ่อตา (John Lithgow) และลูกๆ อีกสองคน ได้แก่ Tom ลูกชายคนโต (Timothée Chalamet และ Casey Affleck น้องชายของ Ben Affleck) ที่ดูไปได้ดีกับการเป็นชาวไร่ และ Murph ลูกสาวคนเล็ก (Mackenzie Foy และ Jessica Chastain) ที่ฉลาดเฉลียว หัวดื้อ และได้เลือดนักวิทยาศาสตร์ของพ่อมาเต็มๆ   หนังฝรั่ง netflix แนะนํา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *