รีวิว moonfall

รีวิว moonfall

รีวิว moonfall

วันวิบัติจันทร์ถล่มโลก

การกลับมาอีกครั้งของผู้กำกับที่ได้รับฉายาว่า ‘เจ้าพ่อหนังหายนะ’ เขาคือ “โรแลนด์ เอ็มเมอริช” ที่สร้างสรรค์ผลงานโลกแตกมาต่อเนื่องตั้งแต่ยุค 90 แม้ว่าเวลาจะผ่านล่วงเวลาไปกว่า 2 ทศวรรษแล้ว ดูเหมือนว่าแกก็ยังคงมีไอเดียที่หาวิธีทำให้โลกแตกได้อยู่ต่อไป อย่างในเรื่องล่าสุด “Moonfall วันวิบัติจันทร์ถล่มโลก” ที่ต้องบอกว่า…มาพร้อมกับทฤษฎีที่แสนทะเยอทะยานอีกครั้ง แต่สัมผัสได้ว่ามุกของแกกำลังจะใกล้หมด แต่กระนั้นลุงโรแลนด์ก็มีวิธีแก้ไขเฉพาะหน้าในจุดนี้แบบเฉพาะของเขา  หนังแนะนำ

เป็นเรื่องราวดวงจันทร์ที่วงโครของมันกำลังจะพุ่งเข้าหาโลก โดยมีนักบินอวกาศและนักทฤษฎีวิทยาศาสตร์ช่วยกันหาวิธีหยุดยั้งการพุ่งชนในครั้งนี้ ซึ่งพวกเขามีเวลาไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นเพื่อไม่ให้มันทำลายล้างโลก เมื่อโลกใกล้ถึงวันสิ้นสูญ เมื่อดวงจันทร์หลุดวงโคจร และพุ่งตรงสู่โลก นักบินอวกาศ และนักวิทยาศาสตร์ต้อง ร่วมมือกันปฏิบัติภารกิจเพื่อกอบกู้โลก และค้นหาคำตอบความลับอีกด้านของดวงจันทร์ที่ซ่อนอยู่

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง moonfall วันวิบัติจันทร์ถล่มโลก

ประเภท: แอคชั่น / ไซไฟ / ผจญภัย
ผู้กำกับ: โรแลนด์ เอ็มเมอริช
นำแสดงโดย: แพทริก วิลสัน, ฮัลลี่ เบอร์รี่, จอห์น แบรดลีย์
ความยาว: 122 นาที
กำหนดฉายในไทย: 3 กุมภาพันธ์ 2022 (ในโรงภาพยนตร์)   ดูหนังออนไลน์

รีวิว moonfall

รีวิว วันวิบัติจันทร์ถล่มโลก  เรียกได้ว่าตลอดเวลา 2 ชั่วโมงของ moonfall ช่างเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน และอีกนิดก็จะกลายเป็นหนังเพ้อฝันแฟนตาซีไปเสียแล้ว แต่ก็ถือว่าเป็นกลับมารั้งฉายาเติมของเขาได้อย่างสมศักดิ์ศรีอีกครั้ง เพราะไม่ใช่แค่โลกแตกเท่านั้นในคราวนี้ ยังลามไปทำให้ดวงจันทร์ที่เป็นบริวารของโลกแตกไปด้วย นี่เท่ากับเป็นผลงานขึ้นขี่หลังเสือของเขาแล้วเหมือนกัน ไม่ว่าผลงานเรื่องถัดไปจะงัดไม้เม็ดไม้หน้าสามแบบไหนมาให้คนดูได้บริโภคอีก  ดูหนังฟรี

ในแง่ของรูปแบบการเสนอนั้น moonfall ก็ถือว่าสอบผ่าน เพราะรู้จักวิธีและการเล่าเรื่องอย่างไรที่เอาใจคนดูได้อยู่หมัด ประกอบกับการงัดเทคนิคงานสร้างที่ใช้สเปเชียลเอกเฟคมากมายใส่เข้ามาแบบไม่ยั้ง ออกแบบฉากหายนะต่างๆ ยังทำได้น่าตื่นตาตื่นใจได้แบบเสมอต้นเสมอปลาย ผู้คนจะสัมผัสได้ถึงความโลกแตกที่เป็นหายนะที่นั่งดูอยู่ตรงหน้าแบบจดจ่อ เป็นจุดที่ต้องยกนิ้วให้กับทีมงานและผู้สร้างในองค์ประกอบนี้ของหนังจริงๆ  วันวิบัติจันทร์ถล่มโลก สปอย

พล็อตเรื่อง

แต่หนังก็ยังเต็มไปด้วยจุดด้อยอยู่เพียบเลยเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะบทภาพยนตร์ที่อ่อนด้อยค่ามากจริงๆ กลายเป็นว่า moonfall ได้ถูกบรรดาฉากหายนะกลบบทหนังไปเกือบจะมิด หนังที่มีตัวละครเยอะเกินจำเป็นไปตามสูตรสำเร็จของลุงโรแลนด์ กลายเป็นส่วนที่ดูขาดๆ เกินๆ ในเรื่องนี้ ระหว่างดูหนังเรื่องนี้ไปก็แอบคิดเหมือนกันว่า ตัวละครต่างๆ ในหนังเรื่องนี้ยังจำเป็นอยู่หรือไม่ เพราะนอกจากจะไม่ได้ช่วยขยายความและส่งเสริมใดๆ ให้กับตัวหนัง กลับรู้สึกเป็นตัวถ่วงแห่งความคลีเซ่ด้วยซ้ำ    ดูหนังฟรี

เอาจริงๆ หากตัดทุกสิ่งทุกอย่างไป แล้วปล่อยให้เหลือแค่ 3 ตัวละครหลัก “แพทริก วิลสัน”, “ฮัลลี เบอร์รี่” กับ “จอห์น แบรดลีย์” เพียงเท่านี้ ก็เชื่อได้ว่าหนังจะดูกระชับและดูยกระดับขึ้นมาได้ขึ้นเป็นกอง แต่ด้วยความเป็นหนังโรแลนด์ เขาจึงเลือกที่ใช้สูตรสำเร็จและเซฟโซนเดิมๆ ของตัวเองนำมาใส่ โดยที่รู้สึกว่าไม่เห็นจะจำเป็นอะไรสักเท่าไหร่นัก สุดท้ายก็คือโมเมนต์เก่าๆ ที่เขาก็มักจะใส่เอาไว้ในหนังเสมอๆ  วันวิบัติจันทร์ถล่มโลก เรื่องย่อ

รีวิว moonfall

การดำเนินเรื่อง

การนั่งดู moonfall เปรียบเสมือนเป็นการมาประมวลการยำรวมผลงานเก่าๆ ในเครดิตของโรแลนด์ เพราะเราจะสัมผัสได้ถึงความวินาศสันตโรที่เกิดขึ้นใน “ID4” พร้อมกับความแตกปั่นป่วงใน “2012” และยังตามมาด้วยหายนะที่สอดแทรกความรักสายใยครอบครัวแบบใน “The Day After Tomorrow” นี่จึงเป็นจุดที่บ่งชี้ได้ว่าเป็นหนังที่ซ้ำซากและเต็มไปด้วยสูตรสำเร็จเดิมๆ   ดูหนังออนไลน์

แต่กระนั้นตัวหนังเองก็สร้างความเอ็นจอยให้กับคนดูได้เป็นอย่างดี รู้มุม รู้จุด ที่จะทำให้คนดูรู้สึกคล้อยตามและคาดหวังจะได้เห็น เพียงแต่ว่า Moonfall ได้ก้าวข้ามความเป็นหนังหายนะเดิมๆ ของผู้กำกับผู้นี้ไปอีกระดับ ด้วยการบียอนด์ออกไปสู่ห้วงอวกาศนอกโลก กลายเป็นการยกระดับสู่หนังไซไฟที่มาพร้อมกับพล็อตที่ค่อยจะเหนือจินตนการมากๆ (จะไม่ใช่คำว่าออกทะเลก็แล้วกัน) และเมื่อผู้สร้างพาคนดูไปได้ถึงจุดนั้น อะไรที่มันจะเหนือความคิดและโอเว่อร์ก็ต้องประดาประดังเข้า วันวิบัติจันทร์ถล่มโลก ซับไทย

รีวิว moonfall

รีวิว moonfall บทสรุป

รีวิว วันวิบัติจันทร์ถล่มโลก  ราวกับว่า โรแลนด์ เอ็มเมอริช ได้ทุ่มสุดตัวกับหนังเรื่องนี้จริงๆ เพราะเขาเลือกที่ยิงนั่นยิงนี่ใส่เข้ามาในช่วงครึ่งหลังของหนัง เข้าสู่โหมดหนังไซไฟที่มีกลิ่นกลายความเป็น Star Wars อยู่ไม่เบาเชียวนะ นี่จึงเป็นความทะเยอทะยานอันสุดโต่งของเขา ที่ต้องบอกเลยว่า ถ้าคนไหนชอบก็คือชอบ แต่คนไหนเกลียดก็คือเกลียดไปเลย เพราะมันออกจะเป็นแนวเหวี่ยงคนดูออกไปสู่จักรวาลไปสักหน่อย แต่ถ้าจะมาทางนี้…ก็ต้องไปให้สุดๆ ไปเลยอย่างนี้ก็ดี   ดูหนังใหม่

เอาเป็นว่าโดยภาพรวมแล้ว Moonfall ก็ยังคงเป็นหนังหายนะสูตรสำเร็จเดิมๆ ตามยี่ห้อของผู้กำกับรายนี้ เพียงแต่เรื่องนี้ได้ทำการเสริมเติมแต่งความเป็นไซไฟสุดล้ำเข้าไปไม่ใช่แค่โลกแตกธรรมดาๆ แต่มันเป็นการกอบกู้สถานการณ์ให้กับมวลมนุษยชาติ ต้องบอกว่าเป็น 2 ชั่วโมงที่ดูได้เพลิน ถึงรสชาติจะไม่ได้อร่อยกลมกล่อมที่สุด แต่ก็พอกรุบกริบทานได้เคี้ยวมัน ก็เป็นหนังโลกแตกที่อย่างน้อยๆ ก็รู้ว่า…คนดูต้องการเห็นอะไร  moonfall บทสรุป

รีวิว moonfall

โดยรวมหนัง

ไบรอัน ฮาร์เปอร์ (นำแสดงโดย แพทริก วิลสัน Patrick Wilson) อดีตนักบินอวกาศที่เคยบาดหมางกับนาซาจำต้องกลับมาร่วมภารกิจครั้งใหม่กับ โจซินดา ฟาวล์ (นำแสดงโดย ฮัลลี เบอร์รี Halle Berry) อดีตเพื่อนร่วมงานของเขาอีกครั้งหลังจากเคซี เฮาส์แมน (นำแสดงโดยจอห์น แบรดลีย์ John Bradley) หนุ่มเนิร์ดที่ค้นพบว่าดวงจันทร์เปลี่ยนเส้นทางโคจรและกำลังจะพุ่งชนโลกนำความวิบัติมาสู่ทุกชีวิต ชะตากรรมของโลกจึงอยู่ในมือของพวกเขา

ต้องบอกว่าการจะไปดู ‘Moonfall’ ให้สนุกจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องทิ้งตรรกะด้านวิทยาศาสตร์หรือแม้กระทั่งความเป็นปกติของมนุษย์ไว้ที่บ้านก่อนไปเข้าโรงหนังเพราะนี่ไม่ใช่หนังไซไฟจริงจังแต่เป็นการเอาชื่อที่คนดูคุ้นหูอย่างนาซามาผสมกับเรื่องเส้นทางโคจรของดาวเคราะห์อย่างดวงจันทร์ (moon orbit) แลัวเขย่าด้วยตรรกะแบบทรานส์ฟอร์เมอร์ว่าด้วยเอเลียนสิงสู่เข้าไปในดวงจันทร์แค่นี้ก็อุทานได้แล้วว่า “เอาอะไรไปวิทยาศาสตร์ ?

ซึ่งถ้าเราตัดตรรกะทั้งหมดออกจากหัวได้ยอมรับเลยครับว่าโรแลนด์ เอ็มเมอริชแกแม่นยำในการเอ็นเตอร์เทนคนดูจริง ๆ แบบถ้าเกิดเริ่มมีบทพูดเยอะ ๆ แกจะเริ่มเล่นมุกหรือเอาอะไรมาล่อความสนใจเสมออย่างเรื่องนี้ก็มีทั้งมุกแป้ก ๆ ที่ให้ตัวละครเคซี เฮาส์แมน ที่ได้นักแสดงซีรีส์ ‘Games of Throne’ อย่างจอห์น แบรดลีย์มาแบกความสนุกด้านคอมเมดี้ของหนังพ่วงด้วยน้องแมวส้มอีก 1 ตัวที่อยู่ ๆ นางก็กลายเป็นสะพานเชื่อมให้ตัวละครอย่างเฺฮาส์แมนมาเจอกับไบรอัน ฮาร์เปอร์ตัวละครของแพทริก วิลสันด้วยฉี่แมว !

และพอสถานการณ์เริ่มเข้าด้ายเข้าเข็มทีนี้หนังก็ไม่สนความสมจริงหรือตรรกะอะไรทั้งสิ้น อยู่ดี ๆ สองหนุ่มก็ถูกบุกมาเจอโดย โจซินดา ฟาวล์ ตัวละครของฮัลลี เบอร์รี ซึ่งตัวละครฟาวล์นี่นอกจากอดีตจะเป็นคนที่ฮาร์เปอร์ช่วยไว้จากเหตุการณ์ต้นเรื่องแล้ว นางยังเป็นตัวละครหญิงในนาซาที่สวมสูทรับหน้าที่ควบคุมการปล่อยยานซึ่งหาได้ยากที่จะเห็นตัวละครหญิงผิวสีฉลาด ๆ ในหนังไซไฟนอกเหนือจากสวมชุดนักบินอวกาศ  วันวิบัติจันทร์ถล่มโลก สนุกไหม

ซึ่งหนังก็ทำให้เห็นการตัดสินใจฉลาด ๆ ของนางอยู่นะ จนกระทั่งถึงจุดที่เริ่มมีวิกฤติทีนี้นางสติแตกไล่คนกลับหมดจนเหลือแค่ ฮาร์เปอร์ ฟาวล์ และ เฮาส์แมน แล้วหนังก็ทำให้ภาพของภารกิจกู้วิกฤติในอวกาศเป็นงานปล่อยบุญบั้งไฟทันทีทุกอย่างขึ้นกับดวงชะตาจนความรู้คนดูที่เคยเรียนวิทย์มาตอนมัธยมถูกเอ็มเมอริชขยี้แหลกเป็นผุยผงเพราะบทก็ดันเพ้อเจ้อมั่วนิ่มเอาว่าเออในเมื่อดวงจันทร์ทำให้น้ำขึ้นน้ำลงได้ ถ้าเชื้อเพลิงไม่พอดวงจันทร์ก็คงดึงยานขึ้นได้มั้ง ฮ่ะ ! เอาจริงเหรอ ?

ซึ่งหากทำใจและมีอุเบกขากับความโม้ที่หนังประเคนใส่มากพอยอมรับเลยนะครับว่า ‘Moonfall’ คืองานดูคลายเครียดที่ตีตั๋วดูแล้วไม่เสียดายตังค์เลย แม้จะพ่วงมาด้วยความมั่วนิ่มกับการเฉลยเรื่องราวที่ประหนึ่งเอ็มเมอริชก็อยากจะทรีบิวต์ (Tribute) ‘2001 : A Space Odyssey’ หนังไซไฟขึ้นหิ้งของสแตนลี คิวบริค (Stanley Kubrick) ด้วยการพูดถึงต้นกำเนิดของมนุษย์บ้างแม้มันจะแถจนเราแอบเขินแทนก็เถอะ และใครคิดว่าผมสปอยล์เนื้อหานะ บอกไว้ก่อนว่าหนังครึ่งหลังคือหลุดโลกทะลุจักรวาลแบบไอ้ที่เล่ามาครึ่งเรื่องแรกแทบไม่มีผลกับบทสรุปหนังเลย

ด้านนักแสดงต้องบอกว่ามันน่าจะเป็นการแจ้งเกิดให้ จอห์น แบรดลีย์ ได้ไม่ยากเลยเพราะในขณะที่เราเห็นการแสดงแบบปล่อยจอยของแพทริก วิลสันที่ไม่สนใจจะสร้างความน่าเชื่อถือให้คาแรกเตอร์ตัวเอง เป็นแบรดลีย์นี่แหละที่คอยแบกความสนุกของหนังไว้เลย ส่วนฮัลลี เบอร์รี ก็ทำให้เห็นว่านักแสดงที่มีเสน่ห์นี่ต่อให้อายุมากขึ้นแค่ไหนเธอก็สร้างเสน่ห์ให้คนดูจดจำได้ แม้ตัวละครของเธอจะพาหนังให้ดูตรรกะวิบัติแค่ไหนก็ตาม

อ้อลืมไป ! มันวิบัติตั้งแต่บทพูดในหนังแล้วนี่หว่า วิบัติถึงขึ้นรอบสื่อที่อเมริกาเอามาทวีตกันรัว ๆ โดยเฉพาะวรรคทองที่ต่อไปจะต้องถูกไปโควตกันว่าเล่นโดยเฉพาะบทนี้ที่เราขอเอามาทิ้งท้ายรีวิวชิ้นนี้  หนังฝรั่ง netflix แนะนํา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *