รีวิว Thor 2
รีวิวหนังฝรั่ง กราบสวัสดีครับ ในที่สุด หนังภาคต่อของ ธอร์เทพเจ้าสายฟ้านั้น หรือก็คือภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ภาคต่อที่ทุกคนรอคอยก็ได้เวลาเข้าโรงมาฉายให้ได้ดูกันสักที ‘Thor The Dark World’ คือ ภาคที่สองของเทพเจ้าสายฟ้าที่มีค้อนมหาประลัยเป็นอาวุธคู่กาย แต่มันก็ไม่ได้ภาคสองเสียทีเดียว เพราะมันเป็นเรื่องราวต่อจาก ‘The Avengers’ มาอีกทีหนึ่งนั่นเอง
ใครๆ ก็รู้ว่า Marvel Studios คือเจ้าของแฟรนไชส์ของธอร์ (Thor) และ ซูเปอร์ฮีโร่อีกหลายๆ ตัว แต่ธอร์ดูจะเป็นตัวที่อยู่ในโลกที่ประหลาดสุดแล้ว เพราะเขาไม่ใช่คนธรรมดาแต่เป็นถึงเทพเจ้า (แม้ผู้กำกับมักจะมองว่าพวกนี้เป็นมนุษย์ต่างดาวที่มีเทคโนโลยีก้าวล้ำกว่ามนุษย์ก็ตามที) และ พวกเขาก็ร่วมอยู่ในระบบสุริยะเดียวกันกับเรา แต่ผมยังเดาไม่ได้ว่า ดาวของพวกเขาคือดาวไหนเท่านั้นเอง
กลับมาต่อกันที่ภาคสองของหนังฮีโร่มาร์เวล Thor กันนะครับ หลังจากที่ภาคแรกสร้างตำนานบทใหม่ และ ความประทับใจไปทั่วโลก และ ภาคนี้ธอร์จะกลับมาสานต่อความมันส์ในรูปแบบที่ดาร์คกว่าเก่า และ ในภาคนี้ก็มีเรื่องราวต่อจากภาพยนตร์ The Avengers นั่นเองครับ เว็บหนัง
รีวิว Thor 2
รีวิวหนังฝรั่ง หนังเล่าต่อจากภาคแรก เมื่อธอร์ (Chris Hemsworth) ที่ร่วมมือกับทีมอเวนเจอร์ส โดยการปกป้องโลกรวมถึงดินแดนทั้ง 9 จากศัตรูที่ต้องการจะยึดจักรวาล เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นเหมือนความสงบสุขจะตามมา ก็ใช่ว่าเรื่องจะจบ จักรวาลยังมีศัตรูที่ร้ายกาจอยู่นั่นคือมาเลคิธ (Christopher Eccleston) เขาต้องการให้จักรวาลต้องพบความสิ้นหวัง และ เข้าสู่ความมืดอีกครั้ง มีฤทธิ์ร้ายกาจชนิดที่ว่า โอดิน (Anthony Hopkins) ราชาแห่งแอสการ์ดก็ไม่สามารถต่อกรได้ ธอร์เมื่อรู้เรื่องเข้าก็ดับเครื่องชนทันทีโดยได้รับความร่วมมือจากโลกิ (Tom Hiddleston) น้องชายที่เคยเป็นคู่ปรับกันในภาคแรก และ ทำให้เขาได้มีโกาสพบกับ เจน ฟอสเตอร์ (Natalie Portman) หญิงคนรักอีกครั้ง
เปิดเรื่องมาก็ซัดกันนัวเลยครับ เพราะไม่ต้องมาเสียเวลาเล่าเรื่องภูมิหลังของนักแสดงนำอีก หนังเกริ่นให้เห็นว่า มาเลคิธต้องการใช้พลังที่เรียกว่าอีเธอร์ อำนาจของอีเธอร์จะสามารถทำให้จักรวาลกลับสู่ความมืดมิดได้อีกครั้ง แต่ในครั้งแรกแอสการ์ดสามารถยับยั้ง และ นำอีเธอร์ขุมพลังเจ้าปัญหาไปซ่อนไว้ เพราะมันทำลายไม่ได้
ภาคนี้ต้องการสื่อว่าดาร์คสมชื่อ หนังให้น้ำหนักไปกับการทำสงคราม เลยทำให้หนังมีความเข้มข้นน่าตื่นเต้นกว่าภาคแรก เพราะศัตรูใหม่ที่กำลังคลืบคลานเข้ามา มีพลังอำนาจร้ายกาจ แน่นอนว่าถูกใจแฟนธอร์แน่นอน เพราะธอร์จะไม่ได้เกรียนแตกเหมือนภาคแรกอีกต่อไป เขาคือธอร์ชายที่เติบโต และ มีคุณสมบัติที่จะเป็นราชา และ ภาคนี้หนังจะเน้นไซไฟผสมผสานกับวามแฟนตาซีมากขึ้นกว่าเก่า
ไม่ใช่แค่ความแฟนตาซีไซไฟอย่างเดียวนะครับที่จะมีให้เห็นในภาพยนตร์เรื่องนี้ หนังยังแทรกมุกตลกโปกฮาตามฉบับมาร์เวลมาด้วย แต่มันอาจจะดูเหมือนตลกร้าย แต่ก็เป็นตลกร้ายที่ทำให้ขำได้ไม่ขาดสายแน่นอน และ ที่มาสร้างสีสันได้เป็นอย่างดีก็คือทอม ฮิลเดลตัน ที่มาเป็นคู่กัดกับธอร์เหมือนเดิม เหมือนพี่น้องทะเลาะกันทั่วไปเลยครับ จากเดิมที่ผมชอบโลกิอยู่แล้ว ภาคนี้ผมชอบมากกว่าเดิมอีก เพราะหนังกำลังทำให้เรารู้จักโลกิมากยิ่งขึ้น ในภาคแรกที่โลกิพยายามที่จะยึดบัลลังค์ และ มีความแค้นต่อธอร์ มีความเย็นชาเหมือนไร้หัวใจ แต่ที่จริงแล้วโลกิเหมือนมีนิสัยชอบเก็บงำความรู้สึก ไม่แสดงออกให้เห็นถึงความอ่อนแอ
ฉากสงครามที่มีมากขึ้นในภาคนี้แสดงให้เห็นถึงเนื้อเรื่องที่เข้มข้น แต่ฉากเครื่องบินที่บินกันเต็มน่านฟ้าแอสการ์ดคือความแอ็คชั่นแฟนตาซีที่ผู้กำกับเน้นความสวยงามเป็นพิเศษ แต่ก็ยังไม่สุดเท่าไหร่นัก
คะแนนเนื้อเรื่อง 9/10 หนังเข้มข้นขึ้นเพราะศัตรูตัวฉกาจที่ยากจะรับมือ และ เราจะได้เห็นพี่น้องที่เคยตีกันกลับมาร่วมแรงร่วมใจอีกครั้ง ทำให้เสน่ห์ของหนังมีเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว แต่ภาคนี้เราอาจจะไม่เห็นฉากโรแมนติคเท่าที่ต้องการ แถมหนังต้องการให้ครบทุกรสชาติเพื่อให้เกิดความดราม่ามากยิ่งกว่าเก่าโดยการที่มีตัวละครสำคัญตาย
คะแนนเอฟเฟคต์ 10/10 ภาคนี้หนังได้คะแนนเอฟเฟคต์เต็มไปเลยครับ หนังเน้นที่ความดาร์คของดวงดาว อารมณ์ดาร์คบลูนะครับ ไม่ได้ไซไฟแฟนตาซีโดดเด่น แต่ว่าภาพสวยถูกใจแน่นอน ฉากการต่อสู้ในต่างดาวคือจิตนาการใหม่ ๆ ที่ทีมงานต้องการสื่อนั่นเอง และ สิ่งที่เป็นเสน่ห์ของเอฟเฟคต์ในภาคนี้คือซากปรักหักพังของยานอวกาศที่อยู่บนดาวที่ธอร์จะสู้กับศัตรู
หนังเรื่องนี้มีฉายในหลายระบบ ไม่ว่าจะเป็น 4DX, IMAX 3D รวมทั้ง Digital ที่มีระบบเสียงแบบ ATMOS ผมเองมีโอกาสได้ชมในแบบ IMAX 3D ซึ่งก็พบว่า ได้ความสะใจของจอฉายขนาดใหญ่ แต่ระบบเสียงยังไม่หนำใจนัก ขณะที่ภาพในแบบ 3D ก็ยังไม่ได้ถึงขั้นประทับใจมากเท่าไร แต่ถ้าพูดถึงระบบความเนียนของ CG ก็ถือว่าทำได้ดีพอสมควรแหละครับ เว็บดูหนัง
สรุป Thor 2
รีวิวหนังฝรั่ง ในด้านของเนื้อเรื่องนั้น ก็จัดได้ว่าภาคนี้เน้นหนักไปที่การสงครามมากขึ้น ทำให้เรื่องราวดูตื่นเต้น และ เข้มข้นมากขึ้น มีฉากแอ็คชั่นมากขึ้น ซึ่งดู ๆ ไปก็อาจจะรู้สึกได้ว่า เหมือนกำลังดู Star Wars ภาคเทพเจ้าอยู่ยังไงยังงั้น แถมยังมีนางเอกเป็น Natalie Portman ยิ่งใช่เข้าไปใหญ่เลยนะเนี่ย
และ เมื่อหนังเป็นช่วงสงคราม ชุดเกราะจีงดูเก่า ๆ ไม่เงาวิ้งอย่างภาคแรก ทั้งนี้เพราะภาคใหม่นี้เป็นฝีมือการกำกับของ Alan Taylor ผู้มีเครดิตมาจากงานกำกับ Game of Thrones นั่นเอง สเปเชี่ยลเอฟเฟกตส์อลังการตระการตา ภาคนี้ เราได้เห็นว่า หนังแอ็คชั่นซูเปอร์ฮีโร่ที่มีมุขตลกติดมาด้วย ทำให้เราสนุกสนานกับการติดตามเนื้อเรื่องยังไง จริง ๆ แล้ว เป็นส่วนผสมที่เคยใช้จนประสบความสำเร็จมาแล้วใน Iron Man นั่นแหละ
โลกิ กลายเป็นตัวละครที่แย่งซีนทุกตัวในภาคนี้ เขาสร้างสีสันให้กับเรื่องราวทุกช่วง มันคงจะหมดสีสันไปเลยทีเดียวหากไม่มีตัวละครนี้ แถมยังปรับเปลี่ยนตัวเองมาเป็นตัวละครที่กวนตีนมากขึ้นกว่าแต่ก่อนด้วยซ้ำ น่าเสียดายที่ช็อตดราม่ากลับไม่สามารถทำเราอินได้เท่าไหร่ ดูหนัง
ตามสไตล์หนังของมาร์เวล นั่งรอดูจนหมด End Credit คุณจะได้พบกับของแถมปรากฏอยู่ 2 จุด หลังรายชื่อตัวละครที่มาพร้อมกับกราฟิกสไตล์ภาพวาด 3 มิติ และ ท้ายสุดหลังเครดิตคนทำงานอันมากมายมหาศาลก็จะพบได้อีกจุด
ข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์
1. โลกิผู้เย็นชาก็มีหัวใจ ภาคนี้โลกิต้องพบกับความสูญเสียคนที่เขารักที่สุด นั่นทำให้เราได้เห็นมุมอ่อนแอของโลกิว่าเขาก็มีหัวใจ มีความรัก และ ความรู้สึก เพียงแค่เขาไม่ต้องการให้ใครเห็นความอ่อนแอ
2. สายสัมพันธ์ของพี่น้อง ภาคนี้ธอร์ และ โลกิหันหน้ามาคุยกันในฐานะพี่น้องมากขึ้น ทำให้เราได้เห็นมุมที่อบอุ่นของทั้งคู่ เพราะทั้งคู่เคยตีกันในภาคแรก และ ภาคนี้ก็กลับมาร่วมมือกันสามัคคีกันครับ
ภาคนี้หนังจะเน้นความดาร์คหน่อยนะครับ แต่หนังแฝงความเข้มข้น และ สาระไว้หลาย ๆ อย่าง เราจะได้เห็นธอร์ชายหนุ่มที่มีความสุขุมนุ่มลึกมากกว่าเดิม เพราะภาคที่แล้วเขาใจร้อน และ เกรียนเหลือเกิน
ชื่อภาพยนตร์: Thor: The Dark World / ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้าโลกาทมิฬ
ผู้กำกับภาพยนตร์: Alan Taylor
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Christopher Yost (screenplay), Christopher Markus (screenplay), Stephen McFeely (screenplay), Don Payne (story), Robert Rodat (story), Stan Lee (comic book), Larry Lieber (comic book), Jack Kirby (comic book)
นักแสดงนำ: Chris Hemsworth, Natalie Portman, Tom Hiddleston, Anthony Hopkins, Christopher Eccleston
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Fantasy
ความยาว: 112 นาที
เรท: ไทย/ , USA/PG-13
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 7 พฤศจิกายน 2556
ผู้สร้าง/สตูดิโอ/ผู้จัดจำหน่าย: Marvel Entertainment, Marvel Studios